วิวัฒนาการของโลก

by

โลกมีอายุกว่าสี่พันหกร้อยล้านปี โดยมีผลึกแร่เซอร์คอนอายุสี่พันสี่ร้อยล้านปีเป็นวัสดุที่เก่าแก่ที่สุด โลกยุคแรกเริ่มถือช่วงเวลาที่โหดร้ายทางธรณีวิทยาเนื่องจากต้องเผชิญกับการตกกระทบของอุกกาบาตอย่างต่อเนื่อง หลังจากการโจมตีของกลุ่มอุกกาบาตจบลงโลกเย็นตัวจนผิวโลกแข็งตัวกลายเป็นเปลือกโลกหรือหินแข็งแรกชนิดแรกสุด หินเหล่านี้ยังไม่ได้ก่อตัวเป็นทวีปแค่เป็นเหมือนเกาะเล็กๆ ลอยอยู่ในมหาสมุทร กระบวนการกัดกร่อน การเกิดหินตะกอน และการระเบิดของภูเขาไฟ ซึ่งอาจเป็นผลพวงมาจากการตกกระทบของอุกกาบาตก่อให้เกิดแผ่นทวีปยุคแรกเริ่มขนาดเล็ก ที่ค่อยๆ ขยายขนาดขึ้นจนคล้ายกับปัจจุบัน เมื่อสองพันห้ารอยล้านปีก่อน ทวีปเหล่านี้มีชนและแยกตัวออกจากกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนในที่สุดมีลักษณะและตำแหน่งแตกต่างจากยุคแรกเริ่มอย่างสิ้นเชิง

ประวัติศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตบนโลกเริ่มขึ้นเมื่อประมาณ สามพันแปดร้อยล้านปีก่อนโดยพวกเซลล์โปรคาริโอตแบบเซลล์เดี่ยวอย่างเช่น แบคทีเรีย สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์มีวิวัฒนาการขึ้นพันล้านปีต่อมาและแค่ห้าร้อยเจ็ดสิบล้านปีก่อนเท่านั้นที่สิ่งมีชีวิตในรูปแบบที่เราคุ้นเคยได้เกิดขึ้นโดยเริ่มจาก อาร์โทรปอด ตามด้วยพวกปลา พืชบก และป่าไม้

สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไม่ปรากฎขึ้นจนกระทั่ง สองร้อยล้านปีก่อน และสายพันธุ์มนุษย์ยุกแรกเกิดขึ้นเมื่อประมาณสองแสนปีก่อน ซึ่งเมื่อเทียบแล้วมนุษย์เราใช้เวลาอยู่บนโลกนี้เพียงแค่ 0.004% ของประวัติศาสตร์โลกเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตามการอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเป็นล้านๆ ปีอย่างละเอียดเช่นวิวัฒนาการของโลกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพื่อที่จะทำความเข้าใจได้ดีขึ้น เราลองมาปรับตัวเลขอายุของโลกกันใหม่ สมมุติให้โลกใบนี้เป็นคนหนึ่งคนเล้วเปรียบเทียบง่ายๆ ว่า โลกของเราที่กำเนิดเกิดขึ้นมาแล้วกว่า 4,600 ล้านปีนั้น ก็คือเท่ากับคนอายุ 46 ปี มาดูกันว่าตลอดระยะเวลาที่โลกได้ถือกำเนิดมา ตั้งแต่วัยเด็กจนวัยกลางคนนี้ มีอะไรเกิดขึ้นกับโลกของเราบ้าง และลองมาคาดเดาดูสิว่าในอนาคตโลกของเราจะเป็นอย่างไร

วิวัฒนาการของโลก

อายุ
สมมติ
(ปี)
อายุของโลก
(ล้านปี)
ระยะเวลา
ก่อนถึงปัจจุบัน
(ล้านปี)
เหตุการณ์สำคัญ
0 0 4600
(Precambrian)
โลกได้ก่อกำเนิดขึ้นจากการรวมตัวของฝุ่นละออง และโคจรรอบดวงอาทิตย์ อุกกาบาตที่พุ่งเข้าชนในขณะที่โลกมีขนาดประมาณ 80% ของปัจจุบัน ทำให้เศษวัตถุที่หลุดออกมารวมตัวกันเป็นดวงจันทร์
1 100 4500
(Precambrian)
วัสดุโลหะหนักรวมตัวกันในศูนย์กลางของโลกเกิดเป็นแกนโลก ต่อมาผิวโลกมีการเย็นตัวและแข็งตัวกลายเป็นเปลือกโลก ข้อมูลในช่วงเวลานี้มีน้อยมาก (ยังไม่พบหินในอายุนี้)
2 200 4400
(Precambrian)
แร่อายุแก่ที่สุดในโลกคือผลึกแร่ซอร์คอน (zircon) ในประเทศออสเตรเลีย หลักฐานจากแร่นี้บ่งบอกว่ามีมหาสมุทรในช่วงเวลานี้ แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่
5 500 4100
(Precambrian)
สิ้นสุดของช่วงเวลา Hadean (ชื่อที่ใช้เรียกช่วงเวลาที่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับโลก และไม่มีหลักฐานของหินใดๆ)
6 600 4000
(Precambrian)
หิน Ancaster Gneiss จากกรีนแลนด์คือหินที่มีอายุแก่ที่สุดในโลก (สี่พันล้านปี)
8 800 3800
(Precambrian)
หิน Akilia Gneiss (3850 ล้านปี) บ่งบอกหลักฐานคาร์บอนของสิ่งมีชีวิต แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่
9 900 3700
(Precambrian)
หมวดหิน Banded Ironstone Formations (BIFs) สันนิษฐานว่าเกิดจากแบคทีเรีย โดยออกซิเจนที่แบคทีเรียสร้างขึ้นทำปฏิกิริยาออกซิเดชันกับเหล็กไอออนในน้ำทะเลและตกตะกอนเป็นชั้นสีแดงของสนิมเหล็กบนพื้นมหาสมุทร เมื่อไม่มีการสร้างออกซิเจนทำให้เกิดการสะสมตัวของหินเชิร์ตสีเทาแทน ซึ่งชั้นหินทั้งสองนี้ก็คือลักษณะของหมวดหิน BIFs นอกจากนี้แล้วหมวดหินนี้ยังบ่งถึงการสังเคราะห์แสงในยุคแรกเมื่อประมาณ 3700 ล้านปีก่อน แต่ก็ยังไม่พบหลักฐานของซากดึกดำบรรพ์
11 1100 3500
(Precambrian)
หิน Apex Chert (ตะวันตกของออสเตรเลีย) อายุ 3465 ล้านปี ครั้งหนึ่งเคยเชื่อว่ามีซากดึกดำบรรพ์ที่แก่ที่สุดอยู่ภายในหิน แต่ปัจจุบันยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ อย่างไรก็ตามในพื้นที่ Pilbara ทางตะวันตกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย พบหินที่มีองค์ประกอบเป็นซิลิกามากอายุ 3500 ล้านปี มีร่องรอยของรูขนาดเล็กจำนวนมากยาวประมาณ 40 ไมครอน และขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่าเส้นผม แม้ว่าบางรอยอาจเกิดจากกระบวนการอนินทรีย์ แต่ก็มีนักธรณีวิทยาบางคนเชื่อว่าเกิดขึ้นจากแบคทีเรียชนิดกินหิน (rock-eating bacteria) แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่
16 1600 3000
(Precambrian)
สโตรมาโทไลต์ (stromatolites) เกิดขึ้นจากสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวขนาดเล็ก และสังเคราะห์แสงได้ โดยการดึงแร่แคลไซต์จากน้ำทะเลสร้างขึ้นเป็นโดม ปัจจุบันสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินยังคงมีการสร้างโดมสโตรมาโทไลต์ใน Shark Bay ประเทศออสเตรเลีย
25 2500 2100
(Precambrian)
ออกซิเจนซึ่งเป็นผลผลิตของเสียจากแบคทีเรียได้กลายเป็นสารพิษสำหรับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ในยุคแรกๆ เริ่มแรกออกซิเจนจะถูกกักเก็บไว้ในหิน เช่น BIFs และหินปูน แต่ต่อมาปริมาณออกซิเจนนั้นมีมากเกินกว่าที่จะกักเก็บไว้ในหินเช่นเดิมจึงได้แพร่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ หินภาคพื้นทวีปสีแดง (Terrestrial Red Beds) จึงได้กำเนิดขึ้นเมื่อ 2100 ล้านปีก่อน โดยกระบวนการออกซิเดชันของเหล็ก ต่อมาออกซิเจนที่หลงเหลืออยู่ก็สะสมตัวอยู่ในชั้นบรรยากาศ
31 3100 1500
(Precambrian)
ในบรรยากาศมีออกซิเจนน้อยยูคาริโอต (eukaryote) ซึ่งเป็นเซลล์พื้นฐานของสิ่งมีชีวิตเกือบทุกชนิดบนโลก เช่น โปรโตซัว เห็ดรา พืช และสัตว์ทั้งหลายได้ถือกำเนิดขึ้น (เฉพาะแบคทีเรีย และสิ่งมีชีวิตในอาณาจักร Monera เท่านั้นที่ประกอบด้วยเซลล์แบบโปรคาริโอต (prokaryote) ยูคาริโอตใช้ออกซิเจนในกระบวนการ metabolism นอกจากนี้พบว่ากระบวนการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศยังถูกวิวัฒนาการขึ้น และซากโปรโตซัวที่พบในหินอายุ 1000 ล้านปี นั้นสามารถบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของจำนวนและความหลากหลายของยูคาริโอตแรกเริ่มชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี
39 3900 700
(Precambrian)
นักพันธุศาสตร์คาดการณ์ว่าสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรสัตว์ได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 1000 ล้านปีก่อน แต่ไม่พบหลักฐานในบันทึกทางธรณีวิทยา การศึกษา Choanoflagellate ซึ่งเป็นโปรติสที่มีส่วนประกอบทางพันธุกรรมแบบเดียวกับที่พบในสัตว์ ทำให้สัญนิษฐานได้ว่าสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรสัตว์น่าจะมีวิวัฒนาการมาจากสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ซากดึกดำบรรพ์ร่องรอยที่เก่าแก่ที่สุดพบในออสเตรเลีย และแอฟริกามีอายุ 700 ล้านปีก่อน
40 4000 600
(Precambrian)
พบซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์หลายเซลล์ชนิดแรกอายุ 600 ล้านปี ได้แก่Charnia หรือ ‘sea pen’ หนอนต่างๆ สัตว์คล้ายเม่นทะเล และแมงกะพรุน จำนวนเล็กน้อย นอกจากนี้ยังพบ fecal pellet ในหินที่ สก็อตแลนด์อันเป็นผลิตผลของสัตว์ที่มีลำไส้อีกด้วย
41 4100 500
(~Cambrian-Ordovician)
สัตว์ที่มีโครงร่างแข็ง (เปลือกและโครงกระดูก) เช่น ไตรโลไบท์ หรือสัตว์จำพวกหอยและปลาหมึกถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 545 ล้านปีก่อน (เริ่มต้นยุคแคมเบรียน) หลังจากนั้นไม่นานสัตว์ที่มีโครงร่างแข็งทุกชนิด ได้แก่ ปะการัง ไครนอยด์ แบรคิโอพอด นอติลอยด์ แกรบโตไลท์ และสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเช่น ฟอแรมมินิเฟอรา  ก็ได้มีวิวัฒนาการตามมา กระดูกสันหลังของปลาชนิดแรกที่เกิดในยุคแคมเบรียนตอนต้นประกอบด้วยแคลเซียมซึ่งต่อมามีวิวัฒนาการอีกเล็กน้อยและสามารถนำมาเปรียบเทียบได้กับสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังชนิดอื่นรวมถึงมนุษย์เราด้วย
42 4200 400
(~Ordovician-Devonian))
ปริมาณโอโซนในบรรยากาศมีมากเพียงพอ พืชเกิดวิวัฒนาการจากสาหร่ายและครอบครองพื้นที่บนบก โดยเริ่มจากพวก bryophyte พืชไม่มีท่อลำเลียงในยุคออโดวิเชียนตอนกลาง (ประมาณ 450 ล้านปีก่อน) และ Cooksonia พืชมีท่อลำเลียงชนิดแรกในยุคไซลูเรียนตอนปลาย (420 ล้านปีก่อน) ต่อมาไม่นานสัตว์บกจึงค่อยๆปรากฏขึ้น
43 4300 300
(~Carboniferous-Permian)
ยุคดีโวเนียนตอนปลาย (ประมาณ 350 ล้านปีก่อน) พบการดำรงชีวิตของสัตว์ในที่ลุ่มชื้นแฉะได้แก่ หนอน และหอยทากร่วมกับซากดึกดำบรรพ์ของพืชยุคแรก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเริ่มใช้ชีวิตบนบกและในเวลาอันสั้นเกิดวิวัฒนาการเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำเพื่อรักษาร่างกายให้เปียกชื้นอีกต่อไป เริ่มมีการเกิดและขยายตัวของป่าฝนเขตร้อนประมาณ 320 ล้านปีก่อน
44 4400 200
(~Triassic-Jurassic)
225 ล้านปีก่อน สัตว์เลื้อนคลานพวกจิ้งจก กิ้งก่า หรือจระเข้ เกิดวิวัฒนา การเป็นไดโนเสาร์ โครงสร้างของกระดูกสะโพกที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจนทำให้พวกมันสามารถยืนอยู่บนขาที่เหยียดตรงได้ ไดโนเสาร์บางชนิดเป็นสัตว์สองเท้าและได้วิวัฒนาการเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดแรกซึ่งเป็นสัตว์กินแมลงลักษณะคล้ายหนูเมื่อประมาณ 210 ล้านปีก่อน
45 4500 100
(Cretaceous)
ประมาณ 140 ล้านปีก่อน นกชนิดแรกชื่อว่า Archaeopteryx เกิดวิวัฒนาการมาจากไดโนเสาร์กินเนื้อชนิดมีขน ตามมาด้วยกำเนิดของพืชดอกชนิดแรกชื่อ Archaefructus (มีรังไข่แต่ไม่มีดอก) เมื่อ 130ล้านปีก่อน และหลังจากนั้นไม่นานก็มีพืชสายพันธุ์เดียวกับ magnolia เกิดขึ้นซึ่งพบเป็นซากดึกดำบรรพ์ดอกไม้ที่เก่าแก่ที่สุด
8 เดือนก่อน 4535 65
(~Cretaceous-Paleocene)
เกิด การสูญครั้งใหญ่ของมวลสิ่งมีชีวิตประมาณ 65-70%ของทั้งหมด ได้แก่ แอมโมไนต์ เบลเลมไนท์ สัตว์เลื้อยคลานที่บินได้และไดโนเสาร์ (พวกนกซึ่งอยู่ปลายสุดของสายวิวัฒนาการของไดโนเสาร์มีชีวิตรอดมาได้)
7 เดือนก่อน 4550 50-60
(~Paleocene-Eocene)
วิวัฒนาการและการแตกสายพันธุ์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นไปอย่างรวดเร็วหลังจากการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ โดยเฉพาะในสมัยอีโอซีน (ประมาณ 40-55 ล้านปีก่อน) พวกมันครอบครองอาณาเขตทั้งบนบก ในน้ำและอากาศ
4 เดือนก่อน 4565 35
(~Oligocene)
ไพรเมตชนิดแรกที่มีสายพันธุ์เดียวกับตัวลีเมอร์เกิดขึ้นปลายยุคครีเตเชียสก่อนการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์เล็กน้อย พวกลิงมีกำเนิดเมื่อ 35ล้านปีก่อน แล้ววิวัฒนาการอย่างรวดเร็วเป็น dryopithecine เมื่อ 25 ล้านปีก่อน ตามด้วยเอปหรือลิงไม่มีหางเมื่อ 17 ล้านปีก่อน
2 เดือนก่อน 4585 15
(Miocene)
ทุ่งหญ้าปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกระหว่างช่วงเวลาอันยาวนานที่อากาศค่อยๆเย็นตัวลง พืชดอกชนิดนี้ถือว่ามีความสำคัญกับมนุษย์มากที่สุดเพราะเป็นแหล่งอาหารอันได้แก่ ข้าวสาลี ข้าวบาร์เล่ย์  ข้าวโพด และข้าว เป็นต้น สัตว์จำนวนมากอาศัยประโยชน์จากทุ่งหญ้า โดยเฉพาะพวกที่อาศัยอยู่ตามพื้นดิน
ประมาณ 3 อาทิตย์ก่อน เกือบ 4600 5-6
(Pliocene)
เกิด hominid (สิ่งมีชีวิตที่เหมือนแต่ไมใช่มนุษย์) สกุล Australopithecus  ซึ่งเชื่อว่ามีหลากหลายสปีชีส์  ล่าสุดค้นพบกะโหลกศีรษะอายุ 7 ล้านปีที่ถูกสัญนิษฐานว่าเป็นของ hominid ชนิดแรกแต่บางคนเชื่อว่าน่าจะเป็นกระดูกของเอปมากกว่า Australopithecus afarensis (‘Lucy’) วิวัฒนาการขึ้นเมื่อ 5 ล้านปีก่อน และ Australopithecus boisei (‘Nutcraker Man’) สปีชีส์สุดท้ายมีชีวิตอยู่ในช่วง 2.3-1.4 ล้านปีก่อน
ประมาณ 7-8 วันก่อน 2-2.5
(Pliocene)
เกิดวิวัฒนาการของมนุษย์ชนิดแรก Homo habilis ในแอฟริกา ซากดึกดำบรรพ์ของสิ่งที่ห่อหุ้มสมองบ่งบอกว่าส่วนกลางที่ควบคุมการพูดหรือออกเสียงเพิ่งจะเริ่มพัฒนาขึ้น
6-7 วันก่อน 2-1.6
(Pliocene)
Homo erectus วิวัฒนาการขึ้น ประมาณ 1.6 ล้านปีก่อนในแอฟริกา ประกอบด้วย 2 สปีชีส์คือ H. ergaster และ H. erectus ถือว่าเป็นมนุษย์สปีชีส์แรกที่มีการย้ายถิ่นไปยุโรปและเอเชีย
5 วันก่อนจนกระทั่ง “คืนสุดท้าย” 1.3
(Pleistocene)
จุดเริ่มต้นของยุคน้ำแข็ง แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่อากาศมีความแปรปรวนอย่างมาก บางครั้งเกาะอังกฤษถูกปกคลุมด้วยพืดน้ำแข็งหนาร่วม 1 กิโลเมตร บางครั้งเกิดทุนดรา และบางครั้งมีอากาศอบอุ่นยิ่งกว่าในปัจจุบัน ในช่วงเวลาที่อากาศอบอุ่นจะพบสิงโต ฮิปโป และแร็ดอยู่บนเกาะอังกฤษ แต่เมื่อเป็นที่ราบทุนดราสิ่งมีชีวิตกลับเป็น ช้างแมมมอธ หมาป่า และกวางเอ็ลคขนาดใหญ่ ยุคน้ำแข็งบนเกาะนี้สิ้นสุดเมื่อประมาณ 10000 ปีก่อน
 2 วันก่อน 0.5
(Holocene/Recent)
เกิดHomo heidelbergensis หรือ ‘Heidelberg Man’ หรือในเกาะอังกฤษรู้จักในชื่อ ‘Swanscombe Man’ และ ‘Boxgrove Man’ ซากดึกดำบรรพ์ที่เก่าแก่ที่สุดอายุ 500000 ปี

อายุสมมุติ (ปี)

อายุของโลก(ล้านปี)

ระยะเวลาก่อนถึงปัจจุบัน (ปี)

เหตุการณ์สำคัญ

46

13ชั่วโมงก่อน

4600

150000

Homo neanderthalensis วิวัฒนาการขึ้น (คาดว่ามาจาก Homo heidelbergensis) และแพร่กระจายทั่วยุโรประหว่างยุคน้ำแข็ง พบซากดึกดำบรรพ์ส่วนมากที่ประเทศแถบเมดิเตอเรเนียน และบางพื้นที่ในเยอรมันและอังกฤษ

12 ชั่วโมงก่อน

130000

มนุษย์ปัจจุบัน (Homo sapiens) วิวัฒนาการขึ้นในแอฟริกาคาดว่าจากสายพันธุ์ของ  “Rhodesia Man” หรือ Homo rhodesiensis อย่างไรก็ตามวิวัฒนาการของ Homo นั้นมีหลายทฤษฎีพยายามอธิบายและยังเป็นที่โต้แย้งกันอยู่ และแนวคิดที่ว่าเรามีวิวัฒนาการมาจาก Homo neanderthalensis นั้นถือว่ามีข้อบกพร่องอยู่มาก

3.5 ชั่วโมง ก่อน

35000

มนุษย์ละทิ้งแอฟริกาแล้วมาอาศัยอยู่ทั่วยุโรปและเอเชียเมื่อ 35000 ปีก่อน และมนุษย์ Neanderthal สูญพันธุ์ไปใน 5000 ปีต่อมา

1 ชั่วโมงก่อน

11000

มนุษย์เริ่มทำเกษตรกรรม

1 นาทีก่อน

250

เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม ในช่วงเวลา 60 วินาทีสุดท้ายนี้เราทำให้เกิดมลภาวะ ขยะกัมมันตรังสี รูในชั้นโอโซน ฝนกรด การสูญพันธุ์จำนวนมาก และอื่นๆ*นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งนำโดยศาสตราจารย์  Paul Crutzen  (นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล) พยายามเสนอยุคใหม่ที่มีชื่อว่า Anthropocene ซึ่งเป็นยุคที่เกิดจาการกระทำของมนุษย์ แต่ก็ยังไม่ได้รับการอนุมัติให้ใช้อย่างเป็นทางการในวงการธรณีวิทยา*
อนาคต

4600-9000

4600 ปีต่อไป

สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนั้น ใครจะสามารถทำนายได้ ในเมื่อโลกเปลี่ยน แปลงไปอย่างมากในช่วง 4600 ล้านปีที่ผ่านมา  ในเบื้องต้นเราอาจจะนึกถึงการเพิ่มขึ้นของมลภาวะหรือการสูญพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงของชั้นบรรยากาศ ภาวะโลกร้อนที่นำไปสู่การเอ่อล้นของน้ำทะเลเข้าท้วมภาคพื้นทวีป ต่อจากนั้นเล่า “การสูญสิ้นของมวลมนุษยชาติ” ล่ะหรือ แล้วอะไรที่จะวิวัฒนาการขึ้นเพื่อครองโลกต่อจากเรา สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยังต้องรอให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ก่อนจึงเริ่มมีวิวัฒนาการแบบก้าวกระโดด แล้วอะไรที่กำลังรอให้เราสูญพันธุ์อยู่ อาจจะเป็นโอกาสของพวกแมลง หรือสิ่งที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน ในระยะยาว อาจเกิดการจะระบบใหม่ของแผ่นทวีปต่างๆ โลกในภาวะเรือนกระจก และยุคน้ำแข็ง ท้ายที่สุดดวงอาทิตย์เปลี่ยนเป็นดาวยักษ์สีแดง เกิดซุปเปอร์โนวาทำลายล้างดาวเคราะห์ทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างจึงจบสิ้นสูญสลายไป

อ้างอิง: http://www.bgs.ac.uk/scripts/downloads/start.cfm?id=312

ข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.ucmp.berkeley.edu/help/timeform.html
http://www.ucmp.berkeley.edu/exhibits/geologictime.php
http://www.bgs.ac.uk/Education/britstrat/timecharts/phaner.html

โหลดแผนภาพประกอบ
http://www.chronos.org/downloads/timetowerparis_highres.png
http://www.emc.maricopa.edu/faculty/farabee/BIOBK/geotime_usgs.gif
http://www.geo.ucalgary.ca/~macrae/timescale/time_scale.gif