แผ่นดินไหวขนาด 8.0 นอกชายฝั่งประเทศเปรู

by

เมื่อเวลา 18.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันพุธที่ 15 สิงหาคม 2550 (6.40 น. ของวันพฤหัสบดี ตามเวลาในประเทศไทย) ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.0 ขึ้นบริเวณนอกชายฝั่งประเทศเปรู มีจุดศูนย์กลางลึกลงไปใต้พื้นดิน 30.2 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากกรุงลิมาไปทางตอนใต้และตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 150 กิโลเมตร ตามรายงานของ USGS ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้พุ่งสูงถึง 519 ราย ขณะที่มียอดผู้บาดเจ็บอยู่ที่ 1,366 คน

จากภาพที่ประกอบด้วยแผนที่แสดงความสูงภูมิประเทศและแผนที่แสดงความสูงของมหาสมุทร (bathymetry) โดยโทนสีจางนั้นแสดงถึงระดับความสูงที่ใกล้กับระดับน้ำทะเล ซึ่งบนแผนดินสีน้ำตาลเข้มนั้นแสดงพื้นที่สูง เช่น แนวสันเขา ส่วนในมหาสมุทรสีน้ำเงินเข้ม แสดงถึงบริเวณน้ำลึก  จะพบว่าแนวเทือกเขาแอนดิสนั้นก่อตัวสูงชันกว่า 6,000 เมตร ขนานกับแนวชายฝั่งอเมริกาใต้  ร่องลึกมหาสมุทรชิลี-เปรู (oceanic trench) วางตัวขนานกับแนวเทือกเขาแอนดิสด้วยความลึกที่มากกว่า 8,000 เมตร ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล

แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดจากกระบวนการทางธรณีแปรสัณฐาน (Tectonics) ซึ่งเป็นสาเหตุเดียวกันกับการก่อตัวของเทือกเขาแอนดิส โดยแผ่นดินไหวได้เกิดขึ้นตามแนวรอยต่อของเปลือกโลกที่มีการเคลื่อนที่เข้าชนและมุดตัวของแผ่นเปลือกโลกนาซก้า (Nazca plate) ใต้แผ่นเปลือกโลกอเมริกาใต้ (South American plate) ในอัตรา 78 มิลลิเมตรต่อปี และได้ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในพื้นที่นี้มาแล้วหลายครั้งในประวัติศาสตร์ เมื่อปี 1908 และ 1974 ก็เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8 ที่มีจุดศูนย์กลายใกล้เคียงกันมาแล้ว  และจากการบันทึกพบว่าแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดตามแนวชายฝั่งเปรูนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 1868 ที่มีขนาด 9 และก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ซึนามิที่ทำลายความเสียหายให้กับประชาชนผู้อยู่อาศัยตามแนวชายฝั่งอเมริกาใต้หลายพันคน

ทั้งนี้หลังจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ล่าสุด ได้เกิดแผ่นดินไหวตาม (aftershocks) ขึ้นอีกหลายครั้ง รวมถึงขนาด 6.0 ด้วยในหนึ่งวันต่อมา (ตามรายงานของ CNN)  และพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคือเมืองอิกา (Ica) ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองไลมา (Lima) ไปทางใต้ประมาณ 250 กิโลเมตร  ส่วนเมืองพิสโก (Pisco) ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งทางตอนเหนือของเมืองอิกา คาดการณ์ว่าบ้านเมืองได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ประมาณ 70 เปอร์เซนต์

เมืองทั้งเมืองกลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง (ภาพจาก Martin St-Amant)